วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

วันพุธที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ทำไมลูกน้องไม่ (อยาก) คิด?

Post Today - เย็นวันนี้ผู้เขียนมีนัดทานข้าวเย็นกับเพื่อนสาวคนซี้ หลังจากที่ต่างคนได้ติดภาระงานจนไม่ได้พบหน้าค่าตากันพักใหญ่ กลางเดือน ม.ค. อย่างนี้ อากาศยังไม่ร้อนจนเกินไปนัก เราจึงเลือกไปทานอาหารที่ร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมที่เราโปรดปราน ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ไปนั่งทานข้าวกับคนรู้ใจกับบรรยากาศริมแม่น้ำ ลมพัดเอื่อยๆ เห็นแสงไฟของเรือที่ล่องแม่น้ำวับๆ แวมๆ สบายใจจังค่ะ! คุณผู้อ่านอย่าลืมหาโอกาสไปหย่อนอารมณ์กับคนรู้ใจบ้างนะคะ แล้วจะรู้สึกว่าความสุขมันไม่ได้หายากอย่างที่...

เพื่อนสาวคนนี้ของผู้เขียนเป็นผู้จัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ของห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง งานด้านบริการของเธอถือเป็นภาระรับผิดชอบที่หนักหนาเอาการอยู่ เพราะแต่ละวันเธอต้องพบปะเจอะเจอกับลูกค้าหลายระดับ ตั้งแต่ระดับ VIP ที่เป็นรัฐมนตรี คุณหญิง คุณนาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดจนลูกค้ารายย่อยที่พอมีปัญหาอะไรก็สามารถเรียกใช้เธอได้ทันที ผู้เขียนเคยนัดพบเธอในห้างที่เธอทำงานอยู่ แม้ว่าขณะนั้นจะเป็นเวลาพักทานอาหารกลางวัน แต่พอเธอเหลือบเห็นลูกค้าคนใดก็ตามยืนหันรีหันขวางท่าทางมีปัญหา เธอเป็นต้องปราดเข้าไปซักถามว่าลูกค้าต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้างหรือไม่ทุกครั้งไป เธอ “อิน” กับงานน่าชมเชยจริงๆ ใครเป็นนายจ้างคงจะดีใจที่มีลูกจ้างมีความรับผิดชอบสูง และมีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดีแบบเธอนี้

แต่วันนี้เธอมาพร้อมกับอารมณ์บูดเล็กๆ จากที่ทำงาน ต่างไปจากธรรมดาที่เธอจะมีอารมณ์ดี ชอบเล่าเรื่องตลกๆ ให้ฟัง พอผู้เขียนถามว่า “ทำไมวันนี้ถึงบูดมาเลยล่ะ?” เธอก็เล่าให้ฟังว่าลูกน้องคนหนึ่งในทีมงานของเธอไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าคนสำคัญ “เป็นปัญหาง่ายๆ แต่เด็กเขาเหมือนกับไม่พยายามคิดแก้ปัญหาเลย ทำตามระเบียบเป๊ะแบบหัวสี่เหลี่ยมน่ะ ไม่รู้จะสอนยังไงเหมือนกัน!”

ลูกน้องคิดไม่เป็นหรือไม่รู้จักคิดเป็นปัญหาของใคร?

คุณผู้อ่านคงเคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมคะว่ามีลูกน้องที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานแบบหัวสี่เหลี่ยม แล้วคุณคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ตามมาให้เราต้องคิดกันคือ ปัญหาลูกน้องไม่มีความคิดสร้างสรรค์นี้เป็นความผิดของใคร? เป็นความผิดของลูกน้องที่มีสมองช้าหรือเป็นความผิดของผู้บริหารที่บริหารหรือฝึกอบรมลูกน้องไม่เป็น?

ปัญหานี้ต้องมองหลายมุมหน่อย ลองเริ่มจากมุมของลูกน้องที่มองตัวเองและตัวหัวหน้าก่อนก็แล้วกัน


มุมมองของลูกน้อง

ในฐานะที่ผู้เขียนก็เคยเป็นลูกน้องตัวเล็กๆ จนมาบัดนี้ก็ยังเป็นลูกน้องตัวเล็กๆ เหมือนเดิม (แต่หน้าที่การงานสูงขึ้น) ก็พอจะเข้าใจว่าคนเป็นลูกน้องจะมีแนวคิดอย่างไร ทั้งนี้ผู้เขียนก็ยังได้รวบรวมข้อมูลที่ได้พูดคุยกับคนเป็นลูกน้องด้วยว่าเขามีความเห็นอย่างไรในการที่จะพัฒนาตนเองให้มีไหวพริบปฏิภาณ แก้ไขปัญหาที่ไม่มีบัญญัติไว้ในกฎระเบียบของบริษัทรวมไปถึงการมีความคิดสร้างสรรค์และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

ประการแรก : หัวหน้าไม่ดีเองค่ะ! ลูกน้องทั้งหลายขอโทษหัวหน้าก่อนเลยว่า การที่กระผมหรืออิฉันไม่สามารถทำงานได้ดั่งใจหรือไม่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ต้องคอยถามความคิดเห็นของหัวหน้าถ่ายเดียวก็เพราะหัวหน้าบกพร่องในเรื่องต่อไปนี้ค่ะ


1. ขาดการปฐมนิเทศให้ลูกน้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงวิสัยทัศน์ เป้าหมาย กลยุทธ์และนโยบายในการปฏิบัติงานโดยรวมขององค์กร ของแผนกและของตัวหัวหน้าเอง ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าคนเป็นผู้นำในระดับสูงมักมีภาระงานมาก และเมื่อมีงานมากก็จะมีเวลาที่น้อยลงในการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมและวิธีการทำงานขององค์กรโดยรวม พนักงานมักได้รับข้อมูลไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจความคาดหวังขององค์กรและของหัวหน้า แบบนี้เขาเรียกว่าพอเริ่มจ้างงาน หัวหน้าก็ผิดเสียแล้ว!

2. ขาดการสื่อสารและให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ข้อนี้ก็เป็นเหตุผลที่สำมะคัญไม่แพ้ข้อแรก เพราะพอเริ่มรับลูกน้องเข้ามาแล้วขาดการปฐมนิเทศที่เพียงพอ ลูกน้องก็ต้องมะงุมมะงาหราหาข้อมูล ลองผิด ลองถูกเอาเอง ซึ่งก็ต้องใช้เวลานานอยู่กว่าจะรู้ว่าทำอย่างไรถูก ทำอย่างไรผิด และพอทำงานไปได้ระยะหนึ่ง (ซึ่งก็ยังอยู่ระหว่างลองผิด ลองถูกนี่แหละ) หัวหน้าก็ไม่ค่อยสอนงาน ไม่อธิบายและไม่แสดงให้ดูว่าทำอย่างไรจึงจะถูก มีแต่ตำหนิติเตียนหรือ “เม้ง” ใส่ลูกน้องอย่างเดียว ลูกน้องก็รู้แต่เพียงว่าฉันทำผิด แต่ไม่รู้ว่าผิดยังไง แล้วที่ถูกควรเป็นอย่างไร แบบนี้เขาเรียกว่าหัวหน้าสื่อสารและสอนงานไม่เป็นค่ะ!

3. หัวหน้าเป็นเผด็จการ ใจแคบ ลูกน้องบางคนเป็นลูกน้องสมองไว คิดหาทางแก้ไข มีไอเดียใหม่ ล้ำกว่าหัวหน้าเสียอีก แต่โชคร้ายมีหัวหน้าหัวเก่า ใจแคบไม่ชอบรับฟังความเห็น ประมาณว่าความคิดของข้าพเจ้าดีเลิศประเสริฐสุดคนเดียว ลูกน้องมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นคนเป็นลูกน้องก็ต้องรูดซิปปิดปาก ฟังแต่คำสั่ง เป็นแบบนี้นานๆ มันก็เลยคิดไม่เป็นเสียแล้ว

4. หัวหน้าไม่เคยให้อภัยกับข้อผิดพลาด หัวหน้าบางคนแม้จะเปิดโอกาสให้ลูกน้องแสดงความเห็นก็จริง แต่ถ้าความเห็นนั้นไม่ดีหรือมีข้อบกพร่องก็จะโดนวิจารณ์ตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงหรือถ้ากระทำการใดๆ พลาดเพียงหนเดียวก็โดนต่อว่าทำโทษอย่างรุนแรง เจอแบบนี้หนเดียวลูกน้องก็จะเข็ดหลาบ ทำตัวเป็นเต่าหดศีรษะในกระดอง ไม่กล้าออกความเห็นอะไรอีก คุณเป็นหัวหน้าประเภทนี้หรือเปล่าคะ?

5. หัวหน้าชอบโยนความผิดให้ลูกน้อง นี่ก็เป็นหัวหน้าอีกประเภทที่ลูกน้องส่ายหน้าไม่อยากได้ หัวหน้าประเภทนี้ชอบให้ลูกน้องออกหน้าเวลาแสดงความเห็นหรือกระทำการใดๆ ซึ่งถ้าผลงานออกมาดี หัวหน้าก็จะออกมารับผลบุญกุศลนั้นร่วมกับลูกน้องด้วย หรือถ้าหน้าไม่อาย (เอาเสียเลย) ก็จะรับความดีแต่เพียงผู้เดียว แต่ถ้าผลงานออกมาไม่ดี ก็ให้ลูกน้องรับไปเต็มๆ แบบนี้ลูกน้องคนไหนอยากจะเป็นตัวตั้งตัวตีเสนอไอเดียหรือแบกรับความรับผิดชอบล่ะคะคุณขา?

มุมมองของหัวหน้า

ฟังลูกน้องแจกแจงความคับข้องใจมาพอสมควรแล้ว คราวนี้มาฟังทางฝั่งหัวหน้าบ้าง จะได้ทราบว่าหัวหน้าเขาคิดยังไงกัน

1. ลูกน้องเกิดมาหัวสี่เหลี่ยมจริงจริ๊ง หัวหน้าบางคนบอกว่าได้ทำการอบรมปฐมนิเทศ ชี้แจงงาน สอนงาน สอนทางหนีทีไล่ ฯลฯ ให้หมดไส้หมดพุงแล้วแต่เผอิ๊ญลูกน้องนั้นเรียนรู้ช้า หลงๆ ลืมๆ สอนกี่ทีๆ ไม่รู้จำ ดังนั้นจึงทำงานผิดพลาดบ่อย แก้ปัญหาไม่เป็น ไม่เคยแสดงความคิดเห็น เพราะแค่ทำตามคำสั่งยังทำได้ตกๆ หล่นๆ เลย...ไม่รู้ว่า HR คัดเลือกกันยังไง?

2. ลูกน้องไม่ชอบรับผิดชอบ ลูกน้องบางคนฉลาดหัวไวจริง แต่ไม่ชอบรับผิดชอบ แม้ว่าหัวหน้าจะไว้ใจอยากจะมอบหมายงานเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่ง แต่ลูกน้องบางคนก็ยังไม่อยากรับภาระนี้ บางคนชอบทำงานตามคำสั่ง สบายๆ ไม่เครียดแบบว่ามักน้อยน่ะค่ะ แบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่บ้างเหมือนกันใช่ไหมคะ?


3. องค์กรไม่มีระบบฝึกอบรม ดูงานที่ดี ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับลูกน้อง แต่เป็นเรื่องขององค์กรที่ไม่จัดงบประมาณด้านฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การที่องค์กรจัดให้พนักงานได้ไปอบรมดูงานจะเป็นการเปิดหูเปิดตาพนักงานให้เห็นสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ เป็นการจุดประกายความคิดให้พนักงาน ถ้าพนักงานไม่เคยได้พบได้เห็นอะไรแปลกๆ หม่ๆ คงยากที่จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ ต่อให้มีไอคิวดีหรือมีหัวหน้าดีก็คงช่วยได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น

4. องค์กรไม่มีระบบการให้รางวัลที่จูงใจพอ ข้อนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเช่นกัน เพราะถ้าองค์กรไม่ให้รางวัลที่จูงใจ หรือไม่ให้เกียรติยกย่องพนักงานที่มีไอเดียดี คิดสร้างนวัตกรรมใหม่ หรือรางวัลพนักงานที่หาทางแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ดี โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา แบบนี้พนักงานก็อาจจะรู้สึกหมดกำลังใจไม่อยากคิดทำอะไร เพราะคิดไปก็ไม่ได้รางวัล สู้อยู่เฉยๆ ดีกว่า

ลองพิจารณามุมมองของลูกน้องและหัวหน้าที่ได้นำเสนอมานั้น แล้วคิดว่าประเด็นต่างๆ เหล่านี้เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในองค์กรของคุณหรือเปล่า ทั้งนี้ คงพอจะมองเห็นแล้วนะคะว่าทำไม พนักงานจึงไม่ค่อยชอบแสดงความคิดเห็น ทำตัวเป็นมนุษย์หัวสี่เหลี่ยม เขาแกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ?

เมื่อได้รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว คราวหน้าจะได้คุยกันต่อว่าจะสร้างทีมงานให้มีความคิดสร้างสรรค์ กล้ารับผิดชอบได้อย่างไร?

หากท่านมีข้อเสนอแนะหรือคำถาม กรุณาติดต่อที่ : siriyupa.hrvariety@sasin.edu ข้อมูลและประสานงาน : คุณอารีย์ พงษ์ไชยโสภณ

"FILE0001.CHK" ไฟล์ที่สามารถกู้คืนได้ !!!

ไฟล์นามสกุล .CHK ซึ่งเรามักจะเห็นมันอยู่ใน Folder ชื่อ FOUND.XXX ซึ่ง XXX นี่ก็จะเป็นตัวเลขเช่น FOUND.000, FOUND.001

มันจะเกิดขึ้นมาหลังจากเราสั่ง Checkdisk ในกรณีที่คิดว่า Disk อาจจะมีปัญหา หรือบางครั้ง Windows ก็จัดการเรียกเจ้า Checkdisk นี้ขึ้นมาให้เอง ในกรณีที่เราไม่ได้ปิดเครื่องตามขั้นตอนการ Shutdown ของมัน

ไฟล์พวกนี้เป็นไฟล์ที่ Windows พยายามจะกู้ขึ้นมาให้เรา ในกรณีที่ Disk ในส่วนที่เก็บไฟล์นั้น ๆ อาจจะมีปัญหา โดยเราสามารถที่จะทำการดูที่ Header ของไฟล์ว่าเป็นประเภทไหนแล้ว Rename เปลี่ยนนามสกุลกลับมาเป็นตามประเภทของไฟล์ดั้งเดิมของมันได้

โปรแกรมที่ช่วยในการกู้ไฟล์พวกนี้กลับมาและฟรีด้วยก็คือ UnCHK เมื่อ Unzip ออกมาจะเห็นว่ามี Source Code แถมมาด้วย

**หมายเหตุ เมื่อเราเรียกตัว unchk.exe มันจะทำการสร้างไฟล์ unchk.ini ขึ้นมาอีกตัวนึง อันนี้ไม่ต้องลบนะ เพราะมันเป็นไฟล์ที่เก็บรูปแบบของ Header ไฟล์แต่ละนามสกุลที่จะมาใช้ในการกู้ จำเป็นต้องใช้คู่กับ unchk.exe



Download : UnCHK

วันศุกร์ที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมบัญชี Express for dOs


1. ที่เครื่องแม่ ให้ทำการ Share Drive ที่ต้องการจะทำการติดตั้ง ( เช่น Share Drive C: or D: )

2. ที่เครื่องลูกที่เป็น Window 98 หรือ XP หรือ 2000 ให้ Map Network Drive ที่ Share ไว้ตามข้อ (1) โดยกำหนดให้เป็น Driver F:
( เช่น Server\D - ตรงชื่อ Server ต้องระบุเป็นชื่อ ห้าม!!! ใส่เป็นหมายเลข IP Address )

3. ใส่แผ่นติดตั้งใน Driver A: และเรียกโปรแกรม Setup.exe

4. ใส่เลขที่ S/N

5. ติดตั้งโปรแกรมลง Drive "F:\XP5" ( ตาม Default ของโปรแกรม )

- เลือกติดตั้งทั้งหมด แล้วค่อย Copy Floder ที่เป็น Data ที่เราสร้างขึ้นมาทับอีกที